พระเจ้าคาโรลที่ 2 แห่งโรมาเนีย (15 ตุลาคม ค.ศ. 1893 – 4 เมษายน ค.ศ. 1953) ทรงเป็นกษัตริย์แห่ง
ราชอาณาจักรโรมาเนียตั้งแต่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1930 กระทั่งสละราชบัลลังก์เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1940 กษัตริย์คาโรลเป็นพระราชโอรสพระองค์โตใน
กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 1 ได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อ ค.ศ. 1914 ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระอัยกา (
กษัตริย์คาโรลที่ 1 ซึ่งเป็นพระอนุชาในพระอัยกา) พระองค์เป็นกษัตริย์
ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นแห่งโรมาเนียพระองค์แรกที่ประสูติในประเทศโรมาเนีย (พระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนหน้านั้นประสูติและเจริญพระชันษาในเยอรมนี และเสด็จมาโรมาเนียเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว) มกุฎราชกุมารคาโรลทรงใช้ภาษาโรมาเนียเป็นภาษาหลัก และเป็นสมาชิกพระราชวงศ์โรมาเนียพระองค์แรกที่ได้รับการอภิบาลตาม
ศาสนาคริสต์นิกาย
ออร์ทอดอกซ์ แห่งเขตอัครบิดรแห่งโรมาเนีย
[1]พระองค์ทรงมีพระบุคลิกเจ้าสำราญ อันมีส่วนให้ต้องทรงเกี่ยวพันกับปัญหาในการอภิเษกสมรสตลอดรัชกาล และตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงประสบกับเรื่องอื้อฉาวมากมาย นับตั้งแต่ที่ทรงอภิเษกสมรสกับ
ซีซี ลัมบรีนอและ
เจ้าหญิงเฮเลนแห่งกรีซและเดนมาร์ก พระองค์ยังทรงคงความสัมพันธ์กับ
มักดา ลูเปสคู ซึ่งทำให้พระองค์ต้องสละสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ใน ค.ศ. 1925 และต้องเสด็จออกนอกประเทศภายหลังการสวรรคตของกษัตริย์เฟอร์ดินานด์ใน ค.ศ. 1927 และพระราชโอรสวัย 5 พรรษาของเจ้าชายคาโรลทรงครองราชย์สืบต่อเป็น
กษัตริย์มีไฮที่ 1 เจ้าชายคาโรลเสด็จกลับโรมาเนียใน ค.ศ. 1930 และทรงยึดบัลลังก์จากพระราชโอรสและคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รัชสมัยของพระองค์โดดเด่นจากการปรับความสัมพันธ์กับ
นาซีเยอรมนี การยอมรับกฎหมาย
การต่อต้านยิว และการพัฒนาไปสู่ระบอบเผด็จการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1940 พระองค์ถูกบังคับให้เสด็จออกนอกประเทศโดยนายกรัฐมนตรี
เอียน อันโตเนสคู โดยกษัตริย์มีไฮที่ 1 พระราชโอรสทรงกลับมาเป็นกษัตริย์แห่งโรมาเนียอีกครั้ง
[2]